ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า โควิด-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ทั้งในประเทศไทยเอง และประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก ทำให้ทุกคนต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขลักษณะ และการใช้ชีวิตแบบ New Normal กันอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้โรคระบาดไปมากกว่านี้ รวมถึงป้องกันตนเองจากไวรัสนี้ด้วย โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างโรคปอดอักเสบ หรือโรคทางเดินหายใจอื่นๆ เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อหรือมีอาการหนักได้มากกว่าคนอื่นนั่นเอง ซึ่งการที่เราจะคาดหวังว่าไวรัสตัวนี้จะค่อยๆ สงบลงได้นั้น ก็มีอยู่หนทางเดียวเลยคือ การใช้วัคซีน ที่ตอนนี้เริ่มมีข่าวออกมาบ้างแล้วว่าเริ่มทดลองใช้ที่ไหนบ้าง ซึ่งวันนี้ ShopBack Blog จะมาอัปเดตให้ได้รู้กันถึงสถานการณ์ของโควิด วัคซีน ว่าแต่ละประเทศจะได้ใช้โควิด วัคซีนกันเมื่อไหร่ ยังไงบ้างค่ะ
ShopBack ชวนฟัง : “Blog เล่า” ช่องที่จะพาคุณฟัง เรื่อง Unseen ครอบจักรวาล ที่คุณควรจะรู้ แต่ยังไม่รู้! ❤︎ ฟังสบาย Unseen ได้ทุกเดือนที่ Youtube : Blog เล่า ❤︎ อัปเดตเรื่องราว Unseen กันต่อได้อีกที่ twitter : @BlogLao_Unseen |
อัปเดตสถานการณ์โควิด วัคซีนแต่ละประเทศ ได้ใช้เมื่อไหร่กันนะ ?
-
สหรัฐอเมริกา

เริ่มต้นที่ประเทศแรกที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีน โควิดที่ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนไปแล้วให้กับกลุ่มเสี่ยงกว่า 1 ล้านคน โดยซานดร้า ลินด์เซย์พยาบาลห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลเมืองนิวยอร์คเป็นคนแรกที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 จากวัคซีน Pfizer-BioNTec โดย 1 ล้านคนนั้นได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้ว
หนึ่งในนั้นคือสาวไทยที่ทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นโดยทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสาธารณสุขสุขและวิทยาศาสตร์โอเรกอนซึ่งสหรัฐฯ ยังคงวางเป้าที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน 100 ล้านคนในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2564 และอีก 100 ล้านคนในไตรมาสที่ 2 ซึ่งสหรัฐฯ นับว่าเป็นประเทศที่มีคนติดโควิด-19 มากที่สุดในโลกคือกว่า 19 ล้านคน
-
สหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักรเป็นชาติแรกในโลกที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 วัคซีนที่ได้รับไปก่อนนั้นประมาณ 8 แสนโดสจากยอดจองประมาณ 355 ล้านโดสและคนแรกของโลกที่ได้รับวัคซีนก็คือคุณยายมาร์กาเร็ต คีแนน อายุ 91 ปีโดยเริ่มฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุเกิน 80 ปีและเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและการดูแลบางส่วนเป็นกลุ่มแรกและหนึ่งในนั้นคือคนไทยที่ได้รับโควิด วัคซีนกลุ่มแรกด้วยเช่นกันโดยเป็นหญิงไทย 2 คนที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุและอีกหนึ่งคนทำงานด้านรักษาความสะอาดในโรงพยาบาลโดยได้รับวัคซีนของ Pfizer-BioNTec เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ซึ่งในปัจจุบันในสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อไปแล้วกว่า 2 ล้านคน
ShopBack Tips : เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนของบริษัทยาต่างๆ กับประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยวัคซีนจาก Pfizer-BioNTec จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้สูงถึง 95% เช่นเดียวกับวัคซีนของบริษัท Moderna ส่วนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca-Oxford นั้นได้ผลรวมของประสิทธิภาพ 70% และล่าสุดกับวัคซีนต้านโควิด-19 สัญชาติจีนจากบริษัท Sinovac Biotech มีประสิทธิภาพสูงถึง 91.25% แม้ว่าโลกเราจะมีการผลิตวัคซีนมาใช้แล้ว แต่การดูแลป้องกันตนเองยังคงต้องทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ พยายามลดการเดินทาง หรือไปในสถานที่ที่มีคนมากเพื่อลดอัตราเสี่ยง อย่างเช่นหากต้องการช้อปปิงหรือซื้อสินค้าของใช้ประจำวันต่างๆ ให้เลือกช้อปแบบออนไลน์แทน สามารถช้อปได้ง่ายๆ ที่ เซ็นทรัล ออนไลน์ และเพื่อประหยัดได้อีก อย่าลืมช้อปผ่าน ShopBack ด้วยหล่ะ |
-
สหภาพยุโรป

ในสหภาพยุโรปนั้นมีสมาชิก 27 ชาติและมีประชากรรวม 450 ล้านคนซึ่งในตอนนี้ทุกประเทศได้รับวัคซีน โควิดของบริษัท Pfizer-BioNTec เรียบร้อยแล้วโดยได้รับวัคซีนก่อน 12.5 ล้านโดสสำหรับประชาชน 6.25 ล้านคนและทางอียูก็ได้ลงนามในสัญญากับหลายบริษัทผู้ผลิตยาที่นอกเหนือจาก Pfizer-BioNTec ก็มี Moderna และ AstraZeneca และมียอดสั่งซื้อกว่า 2,000 ล้านโดส ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2564 ประชากรวัยผู้ใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนส่วนวัคซีนที่ได้รับไปก่อนนั้นจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงก่อน
และประเทศที่มีการเริ่มฉีดไปแล้วนั้น ได้แก่ สเปน อิตาลี โปรตุเกส โครเอเชีย ฮังการี สวีเดน สโลวาเกีย และเยอรมนี ส่วนประเทศเนเธอร์แลนด์มีโครงการจะฉีดวัคซีนในวันที่ 8 มกราคม 2564 ในขณะที่ประชาชนในหลายประเทศอย่างฝรั่งเศสหรือโปแลนด์ยังคงมีความลังเลที่จะรับวัคซีนเพราะเชื่อว่าวัคซีนต้องใช้เวลาในการพัฒนานานเป็นสิบปีถึงจะมีประสิทธิภาพจึงยังไม่ยอมที่จะเสี่ยงรับวัคซีนนี้
-
เอเชีย

ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยวัคซีนล็อตแรกเป็นของบริษัท Pfizer-BioNTec เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 และจะเริ่มฉีดวัคซีน โควิดในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพของศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติเป็นคนแรกที่ได้รับและเจ้าหน้าที่ในสถาบันการดูแลสุขภาพของรัฐอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนจะตามมาในสัปดาห์ต่อๆ ไปถัดไปจะเป็นผู้สูงอายุโดยผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป และสุดท้ายกับประชาชนทั่วไปจะเริ่มได้รับวัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยวัคซีนจะเพียงพอกับประชาชนทุกคนในประเทศ
ส่วนประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ที่ได้ทำการสั่งซื้อวัคซีนไปแล้วนั้น ได้แก่ ประเทศออสเตรเลียสั่งซื้อวัคซีนไปแล้วจำนวน 135 ล้านโดส และคาดว่าจะได้รับวัคซีนก่อน 3.8 ล้านโดสจากบริษัท AstraZeneca ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564 ประเทศจีนไม่ได้สั่งซื้อจากบริษัทยาของชาติตะวันตกโดยตรง แต่ร่วมผลิตวัคซีนกับบริษัทเอกชนหลายแห่ง และคาดว่าจะได้รับการรับรองในประเทศจีนช่วงกลางปี 2564 และมีแผนที่จะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้อย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี
ประเทศญี่ปุ่นได้สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท Pfizer-BioNTec จำนวน 120 ล้านโดส และวัคซีนจากบริษัท AstraZeneca อีก 120 ล้านโดส โดยจะได้รับวัคซีนในล็อตแรกจำนวน 30 ล้านโดส ในเดือนมีนาคม 2564 และสั่งซื้ออีก 250 ล้านโดสจากบริษัท Novavax ประเทศเกาหลีใต้ได้สั่งซื้อวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด วัคซีนจากสี่บริษัทยา สำหรับประชากร 44 ล้านคน ครอบคลุม 88% ของประชากรทั้งประเทศ และวางแผนที่จะฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วยระยะแรก และบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกก่อน ประมาณปลายเดือนมกราคม โดยจัดหาเบื้องต้นไปแล้วประมาณ 25 ล้านโดส โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนภายในสิ้นปีนี้ ส่วนการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วไป จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564
ประเทศไต้หวันได้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้วประมาณ 15 ล้านโดส และจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 15 ล้านโดส โดยคาดว่าจะเริ่มใช้วัคซีนกับประชาชนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 นอกจากนี้คือ ประเทศอินเดีย ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากสุดเป็นอันดับสองของโลก ประมาณ 10 ล้านคน คาดว่าจะใช้วัคซีนฉุกเฉินภายในสิ้นปีนี้ และน่าจะได้รับการรับรองความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 และมียอดจองวัคซีนไปประมาณ 500 ล้านโดส ในขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท AstraZeneca เพื่อสั่งซื้อวัคซีนอย่างน้อย 20 ล้านโดส และคาดว่าวัคซีนจะมาถึงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 และคาดหมายว่าจะสั่งซื้อวัคซีนรวมทั้งสิ้น 60 ล้านโดส
ประเทศอินโดนีเซียได้สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท Covax ประมาณ 107 ล้านโดสคิดเป็น 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่วนประเทศเวียดนามนั้นสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท Covax และจะสามารถใช้ได้กับประชากรราว 20% ของประเทศและอาจจะทำข้อตกลงเพิ่มเร็วๆ นี้ สุดท้ายกับประเทศบังกลาเทศที่สั่งซื้อวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ไปจำนวน 30 ล้านโดส
ShopBack Tips : แม้ว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดอีกครั้งในไทย แต่ก็ใช่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้เลย แค่เลี่ยงสถานที่แออัดก็เพียงพอ แต่ยังคงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ รวมถึงยังเดินทางไปท่องเที่ยวได้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แค่ระมัดระวังตนเองให้ดีก็พอค่ะ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่แมส ยังคงใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะไปไหนก็ปลอดภัยไร้กังวล หรือถ้าอยากมั่นใจเลือกทำประกันโควิดก่อนเดินทาง ส่วนจะเลือกทำประกันสุขภาพแบบไหนดีนั้น แนะนำให้ศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้ดีเสียก่อนนะคะ หากมีแพลนจะเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างจังหวัด สามารถจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมล่วงหน้าได้เลยที่ ทริปดอทคอม และช่วยประหยัดได้อีกถ้าจองผ่าน ShopBack |
-
ประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยเรานั้นอัปเดตโควิด วัคซีนที่จองไปแล้วคือประมาณ 26 ล้านโดสของบริษัท AstraZeneca สำหรับประชากร 13 ล้านคนโดยกลุ่มแรกที่จะได้รับคือ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ส่วนกลุ่มต่อมาคือผู้ที่ประกอบอาชีพเสี่ยงโดยจะได้รับวัคซีนในปี 2564
ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดยศูนย์วิจัยวัคซีนคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น คาดว่าจะเริ่มฉีดทดสอบในเดือนมิถุนายน 2564 และในปี 2565 จะทำการเสนอองค์การอาหารและยาเพื่ออนุมัติใช้ในภาวะฉุกเฉินประมาณปีละ 20 ล้านโดส
ShopBack Tips : ถึงแม้ว่าการป้องกันโควิด-19 จะมีวัคซีนที่เริ่มใช้ไปทั่วโลกแล้วนั้น แต่การดูแลตัวเองก็ยังคงต้องทำต่อไป ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยวิธีล้างมือที่ถูกต้อง และไม่ไปในสถานที่แออัด เพราะเรายังคงต้องอยู่กับเจ้าโควิดไปอีกนาน ซึ่งการดูแลและป้องกันตัวเองให้เป็นนิสัยนั้น จะช่วยลดการติดเชื้อและแพร่กระจายได้ รวมถึงยังอาจช่วยป้องกันตนเองจากเชื้อโรคหรือไวรัสต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย อย่าลืมใส่แมสทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และพกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ที่ วัตสัน และช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่า เพียงช้อปผ่าน ShopBack ค่ะ |
และนี่ก็คือการอัปเดตสถานการณ์โควิด วัคซีนของประเทศต่างๆ ให้ทุกคนได้รู้กันนะคะ ว่าตอนนี้แต่ละประเทศได้รับวัคซีนและเริ่มฉีดกันไปบ้างหรือยัง ส่วนประเทศไทยนั้นก็ขอให้อดใจรอกันอีกนิด ไม่นานเกินรอวัคซีนก็จะเดินทางมาถึงประเทศไทย และพร้อมที่จะฉีดให้กลุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มแรก ส่วนเราๆ ที่ไม่มีความเสี่ยงนั้น แค่ดูแลตัวเองต่อไปเรื่อยๆ และรอการพัฒนาวัคซีนของไทยเอง เพื่อที่จะได้ฉีดกันครบทุกคนในอนาคตอันใกล้นี้ค่ะ
ที่มาอ้างอิง : nytimes.com, bbc.com, thairath.co.th, bangkokpost.com