สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว ShopBack ทุกคน วันนี้เราจะพาไปเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนกัน เดือนกรกฎาคมนั้นเป็นเดือนที่เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น อากาศร้อนที่ญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อว่าร้อนแสนสาหัส อย่างเมื่อปีที่แล้วทะลุไปถึง 43 องศาเซลเซียสเลยทีเดียวค่ะ
ด้วยอากาศที่ร้อนระอุทำให้หลายๆ คนไม่อยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนสักเท่าไหร่ แต่จะบอกว่าจริงๆ แล้วหน้าร้อนนั้นเป็นฤดูกาลสนุกมาก (เป็นอีกฤดูที่คนญี่ปุ่นรอคอยเลยล่ะค่ะ) มีทั้งกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปีนเขา ตกปลา เที่ยวทะเล ชมดอกไม้ไฟ เป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนญี่ปุ่นในฤดูร้อน
และที่ขาดไม่ได้อีกสถานที่หนึ่ง ที่คนญี่ปุ่นนิยมหนีไปหลบร้อนก็คือ เกาะทางเหนือของประเทศญี่ปุ่นอย่าง “ฮอกไกโด” เมื่อพูดถึงฤดูร้อนของฮอกไกโด ที่เที่ยวที่หลายคนอาจจะนึกถึงทุ่งลาเวนเดอร์ของฟาร์มโทมิตะ แต่ ShopBack ซะอย่าง เราจะนำเสนอสถานที่ใหม่ๆ ไม่ซ้ำใครแน่นอน
เที่ยวญี่ปุ่นทริปนี้ใช้เวลา 5 วัน 3 คืน พอตกลงวันลากับหัวหน้าได้แล้ว เราก็วางแผนเดินทางกัน โดยมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นเป็นคนจัดทริปให้ค่ะ ที่เที่ยวฮอกไกโดในครั้งนี้มีแต่เมืองใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยไปทั้งนั้น เรารีบจองที่พัก Expedia ผ่าน ShopBack เพื่อที่จะได้ห้องตามสเป็ค พร้อมทั้งได้เงินคืนตามคอนเซปต์ ไปเริ่มกันเลยค่ะ!
7 ที่เที่ยว ฮอกไกโดหน้าร้อน มากกว่าทุ่งลาเวนเดอร์
ที่แรกในทริปนี้คือ “นิเซโกะ” จะเจอกับคำถามที่ว่า.. ไม่ได้มีแต่ลานสกีหรอกเหรอ? เป็นคำถามที่เราถามเพื่อนชาวญี่ปุ่น เพื่อนหันมาทำหน้าค้อน “ที่นี่เที่ยวได้ทั้งปีย่ะ!” นิเซโกะ ไม่ได้มีแต่ลานสกี ก็ยังมีธรรมชาติอันสมบูรณ์ซ่อนอยู่ ร่องน้ำแร่ที่ไหลมาจากภูเขาหิมะ
Fukidashi Park
นิเซโกะ มีแหล่งน้ำแร่ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นน้ำแร่ที่เกิดจากหิมะที่ละลายจากยอดเขาสูง ผ่านการกรองด้วยกรรมวิธีธรรมชาติคือดินและชั้นหินหลายชั้น เกิดน้ำผุดจากใต้ดิน ที่ปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวให้ทัศนียภาพแปลกตาและสวยงาม ทำให้นึกถึงหมู่บ้านฮอบบิทเลยค่ะ
ที่นี่มีน้ำผุดขึ้นมาวันละ 80,000 ตันเลยทีเดียว เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของคน 30,000 คน เราได้เห็นคนญี่ปุ่นหลายครอบครัว ไกด์ท้องถิ่นของเราเองก็พกแกลลอนน้ำเปล่ามาจากบ้าน เพื่อมารองน้ำแร่ที่นี่ไว้ดื่มเช่นกัน อุณหภูมิน้ำประมาณ 6 องศา เย็นชื่นใจดับร้อนในฮอกไกโดหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี น้ำแร่ที่รองแล้วยังสามารถดื่มได้ทันที ไม่ต้องนำไปต้มอีกด้วยค่ะ
พิกัด :
ShopBack Tips : น้ำนั้นเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่มอย่าง สาเก วิสกี้ เบียร์ หรืออาหารอย่างเต้าหู้ ที่ไหนที่มีน้ำแร่รสชาติอร่อยก็มักจะมีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำเสมอ จุดเด่นของประเทศญี่ปุ่นอีกหนึ่งอย่างคือ น้ำประปาสามารถดื่มได้ โดยมีการจัดการระบบกรองน้ำบริสุทธิ์เป็นอย่างดี มาประเทศนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพของสินค้าเลยค่ะ รับรองได้ ปลอดภัยแน่นอน และยังสามารถซื้อเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงกลับไปฝากคนรู้จักได้ด้วย เป็นปลื้มแน่นอน |
สถานีรถไฟ JR “นิเซโกะ”
แม้ว่าการเดินทางเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนในครั้งนี้จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ไกด์ท้องถิ่นของเราพามาเที่ยวที่นี่ด้วยค่ะ ที่สถานีรถไฟ “นิเซโกะ” ニセコเป็นชื่อสถานีแรกๆ ในญี่ปุ่นที่เขียนด้วยตัวคาตาคานะ เพราะโดยปกติแล้ว ชื่อสถานีในญี่ปุ่นนั้นจะเขียนด้วยตัวอักษรคันจิ (ตัวอักษรญี่ปุ่นที่นำมาจากจีน)
รากเหง้าของภาษาที่ฮอกไกโดนั้น เป็น ภาษาไอนุ ซึ่งเป็นชาวท้องถิ่นของฮอกไกโด คนที่นี่จึงไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิมในการสื่อสาร แต่ใช้ภาษาไอนุค่ะ ชื่อสถานที่ต่างๆ ก็เช่นกัน รวมถึงสถานีนิเซโกะยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้
ที่สถานีนิเซโกะแห่งนี้ยังมีของอร่อยนั่นก็คือ ข้าวแกงกะหรี่ของร้าน Nupuri (ヌプリ) ด้วยค่ะ เมนูแนะนำคือ ข้างแกงกะหรี่หน้าแฮมเบิร์กค่ะ
เวลาเปิดปิด : 11:00 – 19:00 น. ปิดวันพุธ
ราคา : 1,000 – 1,900 เยน
พิกัด :
ShopBack Tips : แฮมเบิร์ก เป็นอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งนี้ก็เพราะนอกประเทศญี่ปุ่นนั้นจะไม่มีเมนูนี้เสิร์ฟค่ะ แฮมเบิร์กเป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นนิยมเป็นอย่างมาก เมนูนี้มักถูกบรรจุไว้ในร้านสเต็ก ร้านพาสต้า หรือเป็นท็อปปิ้งของข้างแกงกะหรี่ วิธีทำคือนำเนื้อบดและหมูบดมาผสมกันใส่เครื่องปรุงแล้วปั้นเป็นก้อน ราดด้วยซอสเดมิกราส์ ฮอกไกโดเป็นเมืองที่เนื้ออร่อย ดังนั้นถ้ามาถึงแล้ว ก็ห้ามพลาดแฮมเบิร์กนะคะ |
ที่ลุ่มชื้นแฉะ Shinsen-Numa Marsh
เป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักที่ลุ่มชื้นแฉะ (Marsh) ที่ลุ่มชื้นแฉะ เป็นเขตเปลี่ยนผ่านระหว่างระบบนิเวศน์ทางน้ำกับระบบนิเวศน์บนบก ถูกโอบล้อมด้วยป่าอัลไพน์ มีเส้นทางเดินเป็นทางเดินไม้วนรอบๆ ทุ่งหญ้าและบ่อน้ำ
ด้วยอากาศที่เย็นสบายแล้ว ถึงเดินเยอะก็ไม่เหนื่อยเลยค่ะ คุณลุงไกด์ท้องถิ่นของเรา บอกว่าแกมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ ค่ะ แต่มาด้วยสกีในฤดูหนาว ต้นไม้ที่เห็นอยู่ตามทางเดินก็คือ ถูกหิมะปกคลุมจนมิดเลย ในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกหนัก
พิกัด :
ต่อมาเราไปเที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์ค่ะ แต่ที่นี่ไม่ใช่ฟาร์มโทมิตะ ดังนั้นจึงไม่มีนักท่องเที่ยวเยอะมากเท่ากับฟาร์มชื่อดัง มาถึงแล้วประหนึ่งว่า ทั้งแปลงนี้เป็นของครอบครัวเราไปเลยค่ะ
เรารู้จักแปลงลาเวนเดอร์แห่งนี้ก็เพราะฝ่ายต้อนรับของโรงแรมที่เราจองผ่าน Expedia เป็นคนแนะนำ หลังจากที่ฟาร์มทุ่งลาเวนเดอร์แบบส่วนตัวแล้วเราก็เดินทางต่อไปยังเมือง Obihiro ค่ะ
Obihiro
เมืองนี้เป็นเมืองที่ปลูกข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของแป้งเค้ก แป้งขนมปัง และขนมหวานต่างๆ ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นเมืองของขนมหวานไปโดยปริยาย ร้านขนมหวานชื่อดังในฮอกไกโดส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากเมืองนี้ เช่น ROKKATEI 六花亭
ชื่อนี้คุ้นหูกันไหมคะ? ถ้าพูดชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเห็นแพ็คเกจลายดอกไม้สดใส และช็อกโกแลตขาวสอดไส้สตรอเบอรี่อบแห้งอันเลื่องชื่อ ที่มีขายอยู่ในร้านขายของฝากของทุกสนามบินแล้ว เชื่อแน่ว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋อแน่นอน ส่วน ROKKATEI สาขานี้ มีขนมเค้กและส่วนของคาเฟ่ไว้ให้บริการด้วยค่ะ
เวลาเปิดปิด : 11:00 – 17:30 น. ปิดวันพุธ
ราคา : เค้กเริ่มต้นที่ 230 เยน
พิกัด :
ShopBack Tips : ร้านคาเฟ่หรือร้านเค้กในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เมื่อเราสั่งขนม จะต้องสั่งเครื่องดื่มด้วยเสมอ เป็นกฎกติกามารยาทที่ชาวญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ใครที่อยากจะสั่งเครื่องดื่มอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหานะคะ อย่างไรก็ตาม ร้านที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่กำหนดให้สั่งขนมคู่กับเครื่องดื่มนั้น ก็มักจะจัด Cake set ซึ่งสามารถสั่งเค้กคู่กับเครื่องดื่มที่กำหนดไว้ได้ในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยกอยู่แล้ว ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเจอกฎแบบนี้ก็ไม่ต้องหัวเสียไปนะคะ เป็นเรื่องธรรมดาของร้านคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นเขาค่ะ |
ร้านอาหารข้างทาง หรือยะไต้ 屋台
นอกจาก Obihiro จะมีชื่อเสียงในด้านขนมแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องร้านอาหารข้างทาง หรือยะไต้ 屋台 ที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด เป็นร้านเล็กๆที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่
อาหารที่เสิร์ฟมีหลากหลายให้เลือก มีทั้งร้านซูชิ ร้านปิ้งย่าง ร้านไก่ทอด ร้านยากินิขุ ร้านอิซากายะ (ร้านเหล้าและกับแกล้ม) ร้านราเมง และอื่นๆ อีกมากมายรอให้ไปเยี่ยมชมและลิ้มรส
นับว่าเป็นเมืองแห่งขนมหวานและการดื่มกินจริงๆ แม่แต่ร้านอาหารเล็กๆก็มั่นใจในคุณภาพและความอร่อยได้เลย คุ้มจริงอยากให้ทุกคนไปลอง จะมาเที่ยวฮอกไกโดคนเดียว หรือมากันเป็นกลุ่มก็สนุกไปกับคนท้องถิ่นได้อย่างแน่นอนค่ะ คืนนั้นเรากินกันจนตัวแตกก่อนกลับโรงแรมที่จองไว้กับทาง Expedia เป็นการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนที่น่าจดจำจริงๆ ค่ะ
ภูเขา Asahidake
เช้ามาเราก็ไปขึ้นเขากันต่อเลย กับภูเขา Asahidake เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฮอกไกโด ด้วยความสูง 2,290 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้แม้ฮอกไกโดหน้าร้อนแล้ว ก็ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่ แต่ข้างๆ ทุ่งหิมะนั้นก็ยังมีดอกไม้ดอกเล็กๆ ขึ้นแทรกอยู่กับหญ้าสีเขียวๆ
หากลองมองไปที่ไกลๆนู่นก็ยังมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน เพราะยอดเขา Asahidake อยู่ในกลุ่มของภูเขาไฟ Daisetsuzan เราเดินทางขึ้นไปชมยอดเขา Asahidake ด้วย Ropeway ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฮอกไกโดด้วยค่ะ เอาไว้มาอีกตอนฤดูใบไม้ร่วงก็ได้เนอะ
อีกอย่างที่อยากแนะนำนักท่องเที่ยวทุกคนคือ ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทางหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุด้วยนะคะ ถ้ามาคนเดียวแต่ก็ไม่ต้องกลัวเหงาค่ะ เพราะธรรมชาติสวยๆ กับบรรยากาศสงบๆ จะช่วยให้เรามีความสุขและผ่อนคลายมากเลยค่ะ
ราคา Ropeway ไปกลับ : 2,900 เยน
พิกัด :
FAM Yakiniku
คืนสุดท้ายในฮอกไกโดหน้าร้อน เรากลับมาพักที่ Sappoo ค่ะ เพราะเราตั้งใจไปกินเนื้อย่างกันที่ร้าน FAM Yakiniku โดยทำการจองล่วงหน้าเข้าไปก่อน
วิธีการเสิร์ฟเนื้อย่างของที่ร้านนี้คือ จะเสิร์ฟจานแรกมาก่อน ซึ่งเป็นจานรวม มีทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ ซึ่งต้องทานจานนี้ให้หมดก่อนแล้วจึงสั่งจานต่อได้ค่ะ
ร้านนี้ยังมีอาหารทะเลอย่างโฮตาเตะ (หอยเชลล์) เนื้อคารูบี้ของร้านนี้ก็อร่อยมากค่ะ เป็นเนื้อติดมันของแท้ เนื้อชุ่มฉ่ำไม่ได้เสิร์ฟมาแบบแช่แข็ง ซึ่งทำให้เนื้ออร่อยกว่า
พิกัดร้านตั้งอยู่ใกล้กับย่านช้อปปิ้งทานูกิโคจิ เมื่อทานอิ่มแล้วสามารถมาช้อปปิ้งของฝากฮอกไกโดต่อได้ที่นี่เลยค่ะ โชคดีที่เราจองที่พักผ่าน Expedia ทำให้ได้ที่พักใกล้ๆย่านช้อปปิ้งเลยค่ะ ฮอกไกโดหน้าร้อนทริปนี้แฮปปี้มากๆ
เวลาเปิดปิด : 17:00-24:00 ทุกวัน
ราคา : 3,500 เยน ต่อหัว
โทร : +81-11-251-1000
พิกัด :
ฮูเร่~! วันเกิด ShopBack ครบรอบ 2 ปี ฉลองจัดหนัก! กับแคมเปญ “ShopBack Birthday คืนแหลกแจกเยอะ” ตั้งแต่วันที่ 17 - 21 มิ.ย. 2562 ShopBack คืนความสุขลูกค้าช้อปออนไลน์ผ่าน ShopBack รับเงินคืนสูงสุด 12% และคูปองส่วนลด รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท ร้านค้าร่วมฉลองวันเกิด ShopBack อาทิ Lazada, Shopee, JD Central, Line Man, Aliexpress, Booking.com, Expedia, Agoda, Klooks, Trip.com ฯลฯ คืนเงินจุกๆ แบบนี้ ห้ามพลาดเลยนะ! |