ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโตเกียว มีที่ท่องเที่ยวที่ดูเป็นญี่ปุ๊น…ญี่ปุ่น รายล้อมด้วยออนเซน และร้านน่ารักๆ เหมือนเป็นเมืองเกียวโตขนาดจิ๋วที่มาแวะพักผ่อนกับเพื่อนสาวได้เวลาที่เบื่อความเป็นเมืองของโตเกียว แถมที่นี่เค้ายังโด่งดังเรื่องสะพานอธิษฐานเรื่องความรัก ชนิดที่สาวสายมูเตลูมองข้ามไปไม่ได้เป็นอันขาด
ShopBack Tips : ใครเป็นห่วงเรื่องตั๋วเครื่องบิน ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ลองใช้ Expedia เป็นตัวช่วยของคุณสิคะ นอกจากจะมีโปร มีดีลให้ได้ตื่นเต้นกันบ่อยๆ แล้ว ยังสามารถเปรียบเทียบราคาให้คุณได้ราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณอีกด้วย แถมถ้าจอง Expedia ผ่าน ShopBack ยังได้รับเงินคืนให้คุณประหยัดได้มากกว่า เก็บเงินไว้เช่ากิโมโนสวยๆ ได้อีกด้วยหล่ะค่ะ |
เอาหล่ะ ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า !!
เมืองที่ว่ามานี้ คือ ชูเซ็นจิ อยู่ในแหลมอิซุ จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ภูมิภาคจูบุค่ะ ที่เที่ยว Shuzenji นั้นมีอะไรเด็ดๆ บ้างตามไปดูกันเลยจ้า
-
วัดชูเซ็นจิ
มาเที่ยว Shuzenji ไม่มาวัดนี้ก็ถือว่ามาไม่ถึง วัดนี้เป็นวัดที่ก่อตั้งในปี ค.ศ.807 โดยพระสงฆ์ที่มีนามว่า “โคโบไดชิ” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ ที่นี่นอกจากจะเป็นวัดเก่าแก่แล้ว ยังเป็นที่ที่เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นด้วยค่ะ เพราะที่นี่เป็นที่รู้กันว่าเป็นที่กักขังและลอบสังหารมินาโมะโตะ โนะ โยริอิเอะ โชกุนคนที่สองของรัฐบาลคามาคุระนั่นเองค่ะ

Image Credit : gurutabi.gnavi.co.jp
น้ำที่ใช้ชำระล้างมือและปากก่อนเข้าไปไหว้พระของที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นๆค่ะ เพราะไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นออนเซน จึงเป็นน้ำอุ่น (และดื่มได้ด้วยนะคะ)
ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ น้ำนั้นไหลออกมาจากปากมังกร ขลังมากกก
-
ทคโคะโนะยู

เบื้องหน้าของวัด คือ แม่น้ำคัตสึระ ซึ่งสิ่งที่จะเห็นเด่นเป็นสง่าประหนึ่งเกาะกลางน้ำ ก็คือ ทคโคะโนะยู
ทคโคะโนะยู เป็นออนเซนที่เก่าแก่ที่สุดในแหลมอิซุนี้ มีเรื่องเล่าว่า “พระโคโบไดชิ” ผู้สร้างวัดชูเซ็นจิ ได้มาเห็นชายคนหนึ่งล้างร่างกายให้พ่อที่เจ็บป่วยอยู่ที่แม่น้ำคัตสึระแห่งนี้ จึงประทับใจในความกตัญญู จึงได้ใช้ทคโคะ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่พระสงฆ์ใช้ในทางศาสนาตีไปที่หินก้อนริม ทันใดนั้นก็มีน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากพื้นดิน พระโคโบไดชิได้สอนวิธีการรักษาด้วยออนเซนให้ชายผู้นั้น หลังจากนั้นพ่อเค้าก็หายจากอาการป่วย เล่าประวัติมาขนาดนี้ หลายคนคงอยากจะมีโอกาสได้ทดลองแช่ใช่มั้ยหล่ะคะ ขอบอกเลยว่า ริมแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลจากทคโคะโนะยูมีออนเซนแท้ๆ ที่เหมือนกันกับในเรื่องเล่าให้ได้ลองแวะจุ่มเท้าแช่แบบฟรีๆ กันด้วยหล่ะค่ะ ใครสนใจอย่าลืมพกผ้า พกรองเท้ามาเปลี่ยนกันด้วยนะคะ
ใครที่เหนื่อยเพราะว่าต้องเดินทางไกล หรือเดินเที่ยวรอบเมืองกันจนเริ่มเพลียแล้ว มาแวะแช่เท้า ปล่อยอารมณ์ พักเหนื่อย นั่งมองดูวิวแม่น้ำกันดูนะคะ ♡
ส่วนใครที่แช่เท้าเพลินพอแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวข้ามสะพานแห่งความรัก มาอธิษฐานขอพรให้โชคดีเรื่องความรักกันเลยค่า…
-
เดินข้ามสะพานขอพรความรัก
ระหว่างทางตลอดสายของแม่น้ำคัตสึระจะมีสะพานสีแดง 4 สะพาน และสะพานหินอีกหนึ่งสะพาน รวมเป็น 5 สะพาน ซึ่งทั้งหมดเป็นสะพานที่เชื่อกันว่านำโชคในเรื่องของความรักค่ะ บอกเลยว่าได้รับความสนใจจากสาวๆ ญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมากมายเลยทีเดียว ♡
- สะพานแรกอยู่ทางซ้ายมือของวัดชูเซนจิ เป็นสะพานนำโชคให้ได้พบเจอคนดีๆ
- สะพานที่สอง เป็นสะพานที่นำโชคให้ได้เป็นคู่รักกัน
- สะพานที่สาม นำโชคเรื่องลูก อธิษฐานขอลูก หรือให้คลอดลูกอย่างปลอดภัย สำหรับคนท้อง
- สะพานที่สี่ นำโชคให้ได้แต่งงาน
- ส่วนสะพานที่ 5 ไม่ได้เป็นสีแดง แต่เป็นสะพานสีเทา ที่บ่งบอกว่าขอให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่าค่ะ เป็นความรักแบบผู้ใหญ่ๆ แล้ว
สะพานเหล่านี้นี้อยู่ท่ามกลางวิวใบเมเปิ้ล ถ้าใครได้มาเที่ยว Shuzenji ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ ♡

ระหว่างสะพานที่สองและสะพานที่สามสามารถเดินไปในดงป่าไผ่ได้ค่ะ ต้นไผ่เรียงรายกันเหมือนในเมืองอาราชิยามะ เกียวโต ที่ย่อส่วนจิ๋วมาตั้งเอาไว้ บรรยากาศดีมากค่ะ ต้นไผ่สีเขียวตัดกับสะพานสีแดง บรรยากาศรอบๆ ก็ญี่ปุ๊น…ญี่ปุ่น หลงรักเลยค่ะ
ShopBack Tips : สุดทางของป่าไผ่ มีม้านั่งให้นั่งกินบรรยากาศ อย่าลืมลองแหงนหน้ามองฟ้ากันดูบ้างนะคะ ต้นไผ่ที่รายล้อมโค้งเข้ากันเป็นวงกลม ตัดกับฟ้าสีครามสดใส บรรยากาศดีมากค่ะ คนไม่พลุกพล่านด้วย ชิววว |

จะเดินครบทุกสะพานอธิษฐานให้ตัวเอง เพื่อน หรือคนในครอบครัวก็ได้ หรือถ้าใครมาขอแฟน หรือขอให้มีความรักครั้งใหม่ จะเดินแค่สะพานที่หนึ่งถึงสามก็ได้ค่ะ หรือ หากเป็นคู่สามีภรรยากันอยู่แล้ว อยากอธิษฐานขอให้ชีวิตสมรสราบรื่น ก็เดินแค่สะพานที่สาม กับสะพานสุดท้ายก็ได้เช่นกันค่ะ ♡ ส่วนสาวสายมูคนไหนตั้งใจไปขอลูก แนะนำให้ไปที่ศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) ด้วยนะคะ
-
ศาลเจ้า Hie
ศาลเจ้านี้โด่งดังในเรื่องขอลูก และขอให้มีชีวิตสมรสที่ราบรื่น ต้นสนที่เห็นสูงใหญ่อยู่ทางด้านซ้ายนี้ อายุกว่า 800 ปีแล้วค่ะ แข็งแกร่งมากก ♡
ส่วนใครที่ชอบเครื่องรางของขลัง ขอบอกเลยว่าที่นี่มีเครื่องรางที่เป็นแรร์ไอเทมอยู่

เครื่องรางนำโชคให้สมปรารถนาทุกสิ่งอันนี้ทำจากฟาง อันเดียวกับที่เรามักจะเป็นม้วนเป็นเกลียวมัดตรงเสาโทริอิ ทำมือทุกชิ้น และมีขายแค่ที่ห้องสำนักงานวัดซึ่งเปิดให้ซื้อประมาณทุกวันที่ 4 ของเดือน ซึ่งกำหนดการนี้อาจจะมีเปลี่ยนแปลงได้ เรียกว่าจะได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นกับดวงล้วนๆเลยค่า
ศาลเจ้านี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถประจำทางชูเซ็นจิ เดินมาแค่ 5 นาทีก็เจอ จะแวะมาที่นี่ก่อนเดินไปที่วัดชูเซ็นจิ และโซนสะพานนำโชคก็ได้ค่ะ มารอบนี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่ญี่ปุ่นขนาดนี้ เราเลยเช่ากิโมโนเดินชมเมืองด้วยค่ะ ร้านเช่าอยู่แถวสถานีรถประจำทางชูเซ็นจิเลย
-
ร้านเช่ากิโมโน Machinavi Yururi
ร้านนี้เค้ามีทั้งกิโมโนและยูกาตะให้เช่าค่ะ ถ้าเป็นกิโมโนจะให้เช่าตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคมเป็นต้นไป เพราะอากาศจะค่อนข้างเย็นแล้ว ส่วนก่อนหน้านี้จะเป็นให้เช่ายูกาตะค่ะ มีทั้งแบบของผู้หญิงและผู้ชายให้เช่าเลยนะคะ ใครมาเป็นคู่จัดให้เต็มเลยน้า ส่วนข้าวของก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฝากไว้ที่ร้านได้
ราคา : ค่าเช่ากิโมโนอยู่ที่ประมาณ 4,800 เยน ส่วนยูกาตะ 4,000 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 09.30 น. – 16.30 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.machinavi-yururi.com
ShopBack Tips : ถ้าใครมาแบบวันเดย์ทริปเผื่อเวลาเปลี่ยนกิโมโนสักหนึ่งชั่วโมงนะคะ พอเปลี่ยนชุดจากที่นี่เสร็จแล้ว ก็สามารถเดินเที่ยวชมเมือง วัดและสะพานได้จากตรงนี้เลยค่ะ สามารถขอแผนที่หรือให้ทางร้านช่วยแนะนำได้เช่นกันค่ะ เรียกว่าสะดวกและคุ้มค่ามากค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่จุใจกับของน่ารักๆ หรืองานผ้ากิโมโนทั้งหลาย ลองเข้าไปดูที่ Amazon JP นะคะ แล้วอย่าลืมช้อปผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนกันด้วยนะคะ |
เอาหล่ะ แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ไปเดินเล่นร้านน่ารักๆ กันดีกว่าค่ะ แถวนี้มีร้านกาแฟ ร้านขายของจุกจิกน่ารักเยอะแยะเลยค่ะ
ร้านที่เปิดเวิร์คชอปสอนปักผ้าแบบญี่ปุ่นก็มีนะคะ


สาวๆ คนไหนสนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บ www.uchicchi.net/top/cafe ได้เลยค่ะ
-
ออนเซนแห่ง Shuzenji
และเมื่อมาเที่ยว Shuzenji เมืองออนเซน ถ้าไม่แช่ออนเซนก็คงไม่ใช่ โรงแรมที่นี่ แทบทั้งหมดเป็นเรียวกัง ถ้าใครอยากชิว พักผ่อนอยู่ในเมืองเล็กๆ ย่านนี้ให้สบาย แช่ออนเซนให้หนำใจ ก็สามารถจองเรียวกังพักให้เพลินพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษที่มาอยู่เรื่อยๆ ก็ได้ หรือถ้าใครไม่พักค้างคืน ที่นี่ก็มีออนเซนแบบไปเช้าเย็นกับ ให้แวะแช่ออนเซนที่เลื่องลือของที่นี่ก่อนกลับเข้าเมืองได้ค่ะ ที่เราอยากแนะนำมากกก ก็คือ ออนเซนโบราณ “ฮะโคะยู(Hakoyu)” นั่นเอง ลองตามมาดูบรรยากาศกันค่ะ


โครงสร้างออนเซนทำจากไม้สนฮิโนกิทั้งหมดเลยค่ะ แม้แต่อ่างที่แช่ออนเซน แช่แล้วจะหอมกลิ่นไม้สนคลุ้งไปด้วย ให้ความรู้สึกดี๊…ดี ♡
ที่นี่เปิดตั้งแต่เที่ยงถึงสามทุ่ม ราคาค่าเข้าก็แสนถูก 350 เยนเองค่ะ ส่วนเด็กประถมให้เข้าฟรี แต่แนะนำว่า ออนเซนที่นี่เค้าจะไม่มีผ้าเช็ดตัว สบู่ หรือยาสระผมให้ด้านในนะคะ ถ้าใครอยากใช้ แนะนำให้เอามาเอง หรือซื้อกับคุณลุงด้านหน้าค่ะ โดยกดบัตรซื้อของจากตู้ แล้วเอาไปยื่นให้คุณลุงหยิบของให้ค่ะ
การเดินทางมาเที่ยว Shuzenji ในโซนนี้ทั้งโซนก็ไม่ยากค่ะ
ถ้ามาจากแถวโตเกียวหรือโอซาก้า ให้นั่งรถไฟชินคันเซน สายโทไกโด (Tokaido Line) มาลงที่สถานีมิชิมะ (Mishima) ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วเปลี่ยนมานั่งรถไฟอิซุฮาโกเนะ ลงสถานีชูเซ็นจิ (ประมาณ 30 นาที) จากนั้นต่อรถประจำทางไปลงสถานีชูเซ็นจิ 8 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ
ShopBack Tips : ไหนๆ ก็นั่งรถไฟออกมาเที่ยว Shuzenji ที่อยู่นอกเมืองกันแล้ว อย่าลืมลงมิชิมะมาต่อโลคอลเทรน แล้วลองแวะไป Mishima Skywalk เดินสะพานแขวนทดสอบความกล้า ท่ามกลางวิวฟูจิซังแบบ 360 องศากันดูนะคะ ส่วนใครติดใจ อยากอยู่เที่ยว Izu ต่อ ที่ Izu เค้ายังมีที่เที่ยวเด็ดๆ ให้เห็นภูเขาไฟฟูจิสวยๆ หลากมุม และอาหารอร่อยๆ ให้ลองอีกด้วย คือ Izu Shizuoka นี่ดี๊...ดี ยังไงสนใจลองอ่านบล็อกที่เราเขียนไว้เพิ่มเติมกันได้นะคะ อ้อ ส่วนใครที่อยากมาเที่ยว Shuzenji ในช่วงฤดูใบไม่ร่วง ให้มาช่วงกลางพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคมและแนะนำให้แวะไปที่สวนธรรมชาติป่าเมเปิ้ลด้วยค่ะ |

รับรองว่าจะได้ถ่ายรูปสวยๆท่ามกลางใบไม้สีแดงส้มได้อย่างหนำใจเลยค่ะ

สำหรับการเดินทางก็ไม่ยากค่ะ นั่งรถประจำทางคันที่ไปลงเฮดะ หรือนิชิโนะซาโตะจากสถานีชูเซ็นจิไปลง “โมมิจิบายาชิมาเอะ” เดินไปเล็กน้อยก็ถึงป่าเมเปิ้ลอันสวยงามแล้วค่ะ
-
พักโฮสเทล
ShopBack Tips : มาเที่ยว Shuzenji แล้วอินมาก แต่ไม่อยากนอนเสียตังค์เยอะๆ ในที่พักแบบเรียวกังก็มาพักแบบโฮสเทลก็ได้นะเออ ในเมืองเก่าๆ คลาสสิกแบบนี้ก็มีโอสเทลสวยๆ ราคาดีอยู่เหมือนกัน ลองเสริชชื่อ Hostel Knot ดูใน Booking.com แล้วอย่าลืมจองผ่าน ShopBack เพื่อรับเงินคืนกันด้วยนะคะ |

ใครชอบเมืองเล็กๆ ญี่ปุ่นๆ เราแนะนำให้มาเที่ยว Shuzenji เลยค่ะ อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากด้วย แวะมา Shizoka เที่ยวเก็บบรรยากาศสักสองวัน ขอพรเรื่องความรักที่ศาลเจ้าและสะพานสีแดง พักชิวๆ แช่ออนเซนคุณภาพ แค่นี้ก็ชาร์จแบตร่างกายได้อย่างเต็มที่แล้วหล่ะค่ะ สำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวญี่ปุ่น 2019 ที่อื่นๆ อีก ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้นะคะ ♡
Special Thanks : การท่องเที่ยวเมือง Izu จังหวัด Shizuoka