เนี๊ยนๆ เป็นเสียงเรียกของแมวเหมียวในญี่ปุ่นค่ะ วันนี้ขอทักทายทุกคนด้วยภาษาแมวก็แล้วกันนะคะ ♡♡♡
ShopBack คิดว่าคนที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ ไม่เป็นทาสแมวก็ต้องเป็นเจ้าของกิจการที่อยากจะได้แมวกวักเอาไว้ตั้งเรียกโชคลาภกันใช่มั้ยหล่ะ ? วันนี้เราจะขอพาทุกคนย้อนอดีตไปในสมัยเอโดะตอนต้นหรือช่วงสมัยอยุธยาตอนปลายของเมืองไทยประมาณนั้นหล่ะค่ะ เพราะอะไรน่ะหรอคะ ก็เพราะว่าจุดเริ่มต้นของวัดแมวนางกวักมีที่มาตั้งแต่สมัยนั้น
เรื่องมีอยู่ว่ามีนักบวชคนหนึ่งอยู่ที่วัด Gotokuji ซึ่งในสมัยนั้นวัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่ไม่ได้รุ่งเรืองอะไรนัก เรียกว่ายากลำบากก็ว่าได้ ในฤดูหนาวแม้แต่ใบชายังไม่มีชงมาดื่ม แต่นักบวชรูปนี้ก็ยังแบ่งปันอาหารและน้ำให้แมวอยู่เสมอ และเมื่อฤดูอันหนาวเหน็บได้มาถึง นักบวชรูปนี้ได้รับความทุกข์ทรมาน จนต้องนอนร้องไห้และหลับไปอยู่บ่อยๆ แมวเหมียวตัวนี้จึงได้ออกมานอกวัดและพบกับเศรษฐีผู้หนึ่งซึ่งหลบฝนอยู่ที่ต้นไม้หน้าวัด ทันทีที่เศรษฐีผู้นี้เห็นแมวที่ทำท่าทางเหมือนกับว่าเรียกกวักให้เข้าไปหลบฝนในวัด จึงได้วิ่งเข้าไปหาแมวทันที หลังจากนั้นต้นไม้ที่เป็นที่กำบังเศรษฐีนั้นก็ถูกฟ้าผ่าจนไฟลุก เศรษฐีผู้นี้ประทับใจและรู้สึกว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ได้ช่วยชีวิตเค้าเอาไว้ ทำให้เค้าตอบแทนด้วยการบริจาคเงินบูรณะวัดแห่งนี้
เรื่องราวถูกแพร่กระจายไปปากต่อปาก ในเรื่องของแมวกวักที่กวักโชคกวักลาภ จึงได้มีการทำตุ๊กตาแมวกวักขึ้นมาเพื่อกวักโชคลาภสำหรับบ้านเรือนและร้านค้าที่ทำการค้าขาย กลายเป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา หลายคนที่มาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ก็ได้เริ่มเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นป้ายเอมะ แล้วนำมาแขวนไว้ที่วัด รวมทั้งซื้อตุ๊กตาแมวกวักมาถวายไว้ที่วัดด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นความน่ารักของแมวกวักอยู่มากมายในวัดแห่งนี้เองค่ะ
ShopBack Tips : วัดนี้น่ารักมากจริงๆ ค่ะ นอกจากจะร่มรื่นแล้ว ยังได้รับพลังแห่งความศรัทธาที่เราสามารถสัมผัสได้จริงๆ อีกด้วย ใครที่มาเที่ยว มาสักการะขอพรที่นี่แล้ว อยากซื้อเจ้าตุ๊กตาแมวกวักกลับไปที่บ้านก็สามารถซื้อได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อเพื่อถวายวัดเพียงอย่างเดียว ที่สำนักงานของวัดมีวางขายอยู่หลายไซส์เชียวค่ะ นอกจากตุ๊กตาแมวกวักแล้ว ก็ยังสามารถเซียมซีกันได้ด้วย ใครสนใจลองแวะมาซื้อกันก่อนกลับบ้านนะคะ |
เริ่มจากวิธีการเดินทางกันก่อน เรานั่งรถไฟสาย Odakyu มาลงที่สถานี Gotokuji เสร็จแล้วก็ Google Map ต่อเลยค่ะ เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึงวัดแล้ว


แผนที่ :

ในที่สุดก็ถึงหน้าวัดแล้วหล่ะค่ะ ♡


เราเคยเดินเยี่ยมชมสุสานแบบจริงๆ จังๆ อยู่ครั้งนึงตอนที่ไปเดินแสวงบุญที่วะกะยะมะค่ะ ตอนนั้นเส้นทางเป็นป่าที่มีอายุกว่าพันปี และเดินเข้าไปในป่าลึกก็มีวัดและสุสานซึ่งต้องเดินผ่านน่าจะประมาณ 20 นาทีได้ค่ะ เป็นสุสานขนาดใหญ่ ตอนแรกก็รู้สึกกว่ากลัวๆ นิดหน่อย ตอนเดินคิดว่านี่ดีนะ ยังไม่ค่ำ ไม่งั้นคงน่ากลัวกว่านี้เยอะเลย คนญี่ปุ่นที่ไปด้วยกันเล่าว่า ช่วงหน้าร้อนเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นจะชอบมาทดสอบความกล้ากันที่สุสานค่ะ เป็นหนึ่งวิธีคลายร้อนที่คนญี่ปุ่นชอบใช้กัน T^T ฟังดูแปลกๆ แต่เราว่าน่าสนใจอยู่นะคะ ตอนที่เราเดินเข้าไปเรื่อยๆ เนี่ยในป่าจะมีความชื้นและรู้สึกอากาศเย็นกว่าการเจอแดดร้อนๆ ภายนอก และเมื่อเรามีความรู้สึกกลัวก็จะมีอากาศขนลุกหรือว่าอุณหภูมิในร่างกายเราเปลี่ยนทำให้เรารู้สึกเย็นได้จริงค่ะ
สำหรับข้อคิดจากการที่เราได้สัมผัสประสบการณ์เดินเยี่ยมสุสาน พบว่าสุสานของญี่ปุ่นนั้นโดยทั่วไปค่อนข้างเรียบง่ายค่ะ คือจะเป็นหิน และประดับด้วยต้นไม้ ให้มีความกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากคนญี่ปุ่นนับถือธรรมชาตินั่นเองค่ะ แต่ถึงส่วนใหญ่จะเรียบง่าย แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่จะตกแต่งประดับประดาสุสานหรือสร้างสุสานของบรรพบุรุษให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ซึ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงสถานะทางสังคม ฐานะได้เป็นอย่างดี เดินๆ ไปพักนึงแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่ากลัว แต่รู้สึกเหมือนกับว่าเราได้เดินชมงานศิลปะ และระลึกถึงความจริงที่ว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายไป เหลือเอาไว้เพียงคำสรรเสริญและคำนินทาต่อๆ กันมาเท่านั้น ดังนั้นการเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่จึงสำคัญตรงที่ว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีคุณค่าได้ยังไง เห็นด้วยกันหรือเปล่าคะ…?



ต่อจากนี้เราก็มาชมความน่ารักของน้องแมวกวักกันรัวๆ ดีกว่าค่ะ เนี๊ยนนน ❤️

นี่คือเป็นพื้นที่วางแมวนางกวักข้างๆ กับอุโบสถ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ศรัทธาต่างพากันมาซื้อมาตั้งเพื่อขอโชคลาภและความเป็นสิริมงคลให้กับครอบครัวบ้าง ร้านค้าบ้าง ตามแต่ใจปรารถนาค่ะ 🙂
เรียกว่าไหว้พระเสร็จ เดินชมน้องแมวกวักกันได้แบบเพลินเชียวหล่ะค่ะ ♡
ถึงตอนนี้เราจะพาไปที่สำนักงานของวัดกันต่อค่ะ อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น นอกจากจะมีน้องแมวกวักขนาดต่างๆ ก็ยังสามารถซื้อใบเซียมซีหรือว่า โอมิกุจิกันมาได้ด้วยค่ะ แต่โอมิกุจิของที่นี่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะจ๊ะ ดังนั้นถ้าใครอยากลองจริงๆ สามารถลองได้ค่ะ 100 เยน ถ้าแปลไม่ออกก็ให้ไปถามคุณป้าที่เค้าท์เตอร์ขายได้ว่า อันนี้ความหมายเป็นยังไงบ้างคะ แล้วคุณป้าจะแนะนำให้ค่ะ 🙂




สำหรับใครที่เต็มอิ่มกับความน่ารักของวัดแมวกวักเป็นที่เรียบร้อยแล้วระหว่างทางเดินกลับไปสถานีก็ลองเดินสังเกตร้านค้าต่างๆ กันดูนะคะ เพราะมีเยอะเลยที่เอาแมวกวักมาตั้งไว้หน้าร้าน บางร้านก็ตั้งเยอะ ตั้งจริงจังมาก ดูเพลินเชียวค่ะ ❤️
ถ้ามีโอกาสยังไง ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ เดินทางไม่ยาก ใช้เวลาครึ่งวันก็เที่ยวได้สบายแล้วค่ะ 🙂
ShopBack Tips : สำหรับใครที่ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินหรือว่าที่พัก แนะนำ Expedia นะคะ เพราะนอกจะเค้าจะมีข้อมูลทั้งสายการบินและที่พักให้เปรียบเทียบราคากันแล้ว ยังมีส่วนลด โปรโมชั่น Expedia กันออกมาอีกเรื่อยๆ แถมถ้าจองผ่าน ShopBack ก็รับเงินคืนไปอีกค่ะ คุ้มค่าขนาดนี้ จะจองทั้งทีอย่าลืม ช้อป กิน เที่ยว ผ่าน ShopBack กันนะคะ |
- โลคอลที่สุด ! แจกพิกัดโตเกียว ที่เที่ยว 2 สไตล์ มาแล้วต้องรัก ♡
- Top 10 ตลาดย่านซื้อของฝากจากโตเกียว ไปที่เดียวครบ อัพเดต 2019
- เปิดวาร์ปของฝากญี่ปุ่น 2019 ไอเท็มเด็ดห้ามพลาด ราคาไม่เกิน 1,000 เยน